บล.เอเซีย พลัส:

แนวโน้มกําไรกลับมาเติบโตชัดเจนตั้งแต่ 2Q65

คาดเห็นเม็ดเงินโฆษณากลับมาเติบโตได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาเติบโตดีขึ้นกว่าปีก่อน โดยที่สื่อทีวียังเป็นสื่อหลักครองสัดส่วนกว่า 58% ของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณารวม ทำให้คาดว่ายังเป็นเป้าหมายในการใช้เม็ดเงินโฆษณาในปี 2565 โดยในส่วนของ BEC มีกลยุทธ์เพิ่มรายได้จากทั้งการเพิ่มละครใหม่ ขยายเวลาโฆษณา และเพิ่มซีรียส์

ฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2565-66 ไว้เท่าเดิมที่ 1.0 พันล้าน บาท (+31%YoY) และ 1.2 พันล้านบาท (+20%YoY) มูลค่า คงคำแนะนำซื้อ 1.) ระยะสั้นมองว่าแนวโน้มกำไรน่าจะกลับมาเติบโตได้ดีขึ้นใน 2Q65 2.) ศักยภาพในการทำกำไรในระยะ 1-2 ปีข้างหน้านี้โตแกร่งด้วยอัตราเฉลี่ย 25% และ 3.) ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 13%

คาดอุตาหกรรมโฆษณากลับมาเติบโตตั้งแต่ 2Q65 โดยทีวียังเป็นสื่อหลัก

แม้สื่อออนไลน์จะมีการเติบโตที่สูงต่อเนื่องในทุกๆ ปี อย่างไรก็ตาม สื่อทีวียังถือเป็นสื่อหลักสำหรับการใช้เม็ดเงินโฆษณา โดยที่ผ่านมาช่วงปี 2562-2564 มีสัดส่วนเฉลี่ย 58% ของการใช้เม็ดเงินโฆษณา โดยภาพรวมของประเทศสำหรับปี 2565 สมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเติบโตได้ราว 2% ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่าหลังผ่านพ้นช่วง Low Season ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาน่าจะเห็นการเติบโต ของเม็ดเงินโฆษณาได้ทั้ง QoQ และ YoY จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมา การเปิดประเทศน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการกลับมาใส่งบโฆษณาอีกครั้งตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป และส่งผลให้ภาพรวมการใช้สื่อโฆษณาในปี 2565 เติบโตได้ดีกว่าปีก่อนหน้า

แนวโน้มกำไรปกติจะเติบโตดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป

ฝ่ายวิจัยมองว่าผลประกอบการน่าจะเติบโตได้จากทั้งปัจจัยเสริมภายนอก และปัจจัยเฉพาะตัวของ BEC ที่มีกลยุทธ์กระตุ้นรายได้ ทำให้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการณ์กำไรปี 2565-66 ไว้ที่ 1.0 พันล้านบาท (+31%YoY) และ 1.2 พันล้านบาท (+20%YoY) โดยกลยุทธ์ของบริษัทในปี 2565 คือ

1.) ขยายเวลาโฆษณาหลักๆ จากรายการข่าว อาทิ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ (+15 นาที/วัน) และเรื่องเด่นเย็นนี้ (430 นาที/วัน) ที่จะเป็นอีกปปัจจัยบวกในการขับเคลื่อนกำไรสุทธิของ BEC ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยคงประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ของ BEC ที่ 1.0 พันล้านบาท โดยมองว่า Outlook ใน 2Q65 คาดจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนจากไตรมาสก่อนจากปัจจัยบวกที่กล่าวไปข้างต้น

2.) BEC มีละครใหม่ที่กำลังนำออกฉาย อาทิ บุพเพร้อยร้าย (เริ่มออกอากาศ 26 พ.ค.65 ทุกวัน พุธ-พฤหัส เวลา 2 ทุ่ม) และละครเรื่อง อ้อมฟ้าโอบดิน (เริ่มออกอากาศ 25 พ.ค. 65 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ รวมถึงรายการวาไรตี้ อาทิ ทริอาช, ถึงเธอจิ๊กซอว์ของฉัน และรายการ จิ้งจกทัก ที่เป็นรายการวาไรตี้เกี่ยวกับดวงชะตาที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ประกอบกับรายการถ่ายทอดสด “คนกรุงมีคำถาม ช่อง 3 มีคำตอบ” ซึ่งเป็นการดีเบตกันระหว่างผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมออกอากาศวันนี้ (20 พ.ค. 65) เวลา 16.30-18.00 น. ซึ่งน่าจะเป็นอีกรายการที่มีคนสนใจจำนวนมากจากการ Event การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ขณะที่ซีรียส์จะมีเรื่อง On The Way และแอบจองรัก ที่จะเจาะฐานคนดูกลุ่มวัยรุ่น

3.) ทยอยนำซีรียส์เรื่องใหม่ๆ ออกมากระตุ้น รายได้ธุรกิจ Digital Platform & GCL อาทิ Love and Deception และ My Romance from far away แม้ซีรียส์เรื่องคุณหมีปาฏิหารย์จะทำรายได้ต่ำคาด อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบในเชิงของกระแสในโลกออนไลน์ อาทิ ใน Twitter มีการพูดถึงค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเชื่อว่าในเชิงของกระแสตอบรับจากซีรียส์เรื่องคุณหมีปาฏิหารย์น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ ประกอบกับธุรกิจ Digital Platform ที่จะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะ Fandom ที่เปิดให้สมาชิกมีโอกาสได้พบปะศิลปินดาราที่ชื่นชอบ (สำหรับสมาชิก Premium เท่านั้น) น่าจะดึงดูดให้จำนวนยอด Subscriber เติบโตได้ต่อเนื่อง อีกทั้ง BEC Studio ที่เห็นความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาช่วย BEC ผลิตละครให้มีความหลากหลาย และช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตอีกทาง

คงประมาณการกำไรสุทธิไว้เท่าเดิม…แนะนำซื้อ

กำหนด Fair Value อยู่ที่ 17.20 บาท แนะนำซื้อ เนื่องจาก 1.) ระยะสั้นมองว่าแนวโน้มกำไรน่าจะกลับมาเติบโตได้ดีขึ้นใน 2Q65 2.) ศักยภาพในการทำกำไรในระยะ 1-2 ปี ข้างหน้านี้โตแกร่งด้วยอัตราเฉลี่ย 25% และ 3.) ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 13%

BEC แนะนำ : ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 15.40

ราคาเป้าหมาย (บาท) 17.20

Upside (%) 11.69

Dividend Yield (%) 2.81

- Advertisement -