รู้อยู่แล้ว แต่ขอเวลาทำใจ / 1,575-1,595

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET แกว่งตัว Sideways: ผลการประชุมเฟดเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมาได้สร้างความผิดหวังต่อตลาด แม้เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามตลาดคาด และส่งสัญญาณว่าในปีนี้อัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ 5.1% เช่นเดียวกับการประชุมครั้งก่อน รวมถึงมีการแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ แต่เฟดได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบ คาดเป็น Sentiment ทางลบต่อตลาดในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ดี คาดตลาดมีแรงหนุนให้ฟื้นตัวได้บ้าง เนื่องจากการส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี และ Dollar Index ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.96% และ 102.5 จุด ตามลำดับ คาดเป็นอานิสงส์ทางบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหนุนให้เงินบาทแข็งค่าเข้าใกล้ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยชะลอการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ  นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันที่เข้าทำ Trigger fund ในช่วงนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 2.26% สู่ระดับ $70.90 ต่อบาร์เรล คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อตลาด ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุม BoE และ SNB (ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์) ตลาดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และ 0.50% สู่ระดับ 4.25% และ 1.50% ตามลำดับ
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+เลือกตั้ง: AOT, BJC, CENTEL, CPALL, CRC, ERW, MAKRO, MINT, SNNP 2) ราคาน้ำมันฟื้น: BCP, PTTGC, PTTEP, TOP และ 3) หุ้นใหญ่พื้นฐานดีน่าซื้อเก็บ: ADVANC, BBL, BDMS, GULF

ปัจจัยบวก

  • ก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผย 1 พ.ค.-18 มี.ค.มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้ว 5.58 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 2.15 แสนลบ. โดยภาพรวมการท่องเที่ยวยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ของคนไทยและการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติ
  • กกพ.เห็นชอบค่าเอฟทีเป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เท่ากับ 98.27 สตางค์ ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อ หน่วยมีผลเดือนพ.ค.-ส.ค.
  • แหล่งข่าวจากกลุ่มโอเปกพลัสเผยโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะรักษานโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำลัง การผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี 66 แม้เกิดวิกฤตธนาคารในช่วงที่ผ่านมา

ปัจจัยลบ

  • ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยธนาคารในภูมิภาคเอเชียอาจจะเผชิญกับความยากลำาบากในการระดมเงินทุนด้วยการออก AT1 หลังจากสวิตเซอร์แลนด์ได้ตัด AT1 ของเครดิตสวิส เหลือศูนย์
  • อังกฤษเผย CPI เดือนก.พ.ขยายตัว 10.4%y-y สูงกว่าตลาด คาดและเดือนพ.ค.ที่ระดับ 9.9%y-y และ 10.1% ตามลำดับ เนื่องจากค่าอาหารและพลังงานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงกดดันต่อครัวเรือนอย่างมาก
  • ปธ.ธนาคารกลางเยอรมนีเผยผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนต้องดึงดันเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อต่อสู้กับกาวะเงินเฟ้อ
  • เจเน็ต เยลเลน เผยฝ่ายบริหารของโจ ไบเดนไม่ได้พิจารณาที่จะขยายการรับประกันเงินฝากธนาคารที่เกินกว่าวงเงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯในปัจจุบันของ FDIC

PICKS OF THE DAY

AOT BUY

  • เป้าหมาย 72.50/74.25 แนวรับ 69.50/70.00
  • นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าต่อเนื่อง: ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยว วันที่ 1 ม.ค. – 18 มี.ค. มีนักท่องเที่ยเข้ามาแล้ว 5.58 ล้านคน เมื่อเทียบกับ 4Q65 และ 1Q65 ที่ 5.47 ล้านคน และ 0.50 ล้านคน ยังคงสะท้อนการฟื้นตัวที่ดีต่อเนื่อง คาดว่าใน 2Q66 AOT จะมีกำไรต่อเนื่อง
  • แนวโน้มยังดีต่อเนื่อง: ททท. คาดนักท่องเที่ยทั้งไทยและต่างชาติในปี 2566 ที่ 250 ล้านครั้ง +11% และต่าง ชาติที่ 30 ล้านคน +168% y-y โดยน่า จะเห็นคนจีนเดินทางเข้ามาสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วง Golden Week ช่วงต้น ต.ค. อีกทั้งไม่ต่อมาตรการช่วย เหลือผู้ประกอบการที่หมดใน มี.ค. ทำให้การฟื้นตัวมีมากขึ้น

CPALL BUY

  • เป้าหมาย 65.00/66.50 แนวรับ 62.00/62.50
  • หุ้นอานิสงส์บวกจากท่องเที่ยว/บริโภคฟื้นตัว: นับเป็นหนึ่งในหุ้นที่ยังได้อานิสงส์บวกจากท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ จีนที่ทยอยเข้ามา รวมถึงSentiment เชิงบวกจากการเลือกตั้ง หนุน SSSG ฟื้นตัวต่อเนื่อง
  • ราคา Laggard: ราคาหุ้น Laggard และยังปรับขึ้นมาไม่มาก เมื่อเทียบกับกลุ่ม รวมถึงมีแนวโน้มผลประกอบ การฟื้นตัวดีขึ้น y-y
- Advertisement -