บล.บัวหลวง:

Bangkok Commercial Asset Management (BAM TB /BAM.BK)

BAM – มีโอกาสกำไรไตรมาส 3/66 จะไม่ดีต่อ

ปัจจุบันเราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ของ BAM จะต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้าของเราและตลาด (อีกครั้ง) ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-67 ลง (เราได้ลดคาดการณ์ในการฟื้นตัวของธุรกิจบริหารหนี้ที่มีหลักประกันลง) ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะมีการปรับลดประมาณการตลาด

กำไรสุทธิมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 380 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมของเราที่ 670 ล้านบาทอย่างมาก และลดลง 47% YoY และ 11% QoQ เราคาดการเก็บเงินสดในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 14% YoY และ 8% QoQ เนื่องจากความล่าช้าในการปิดชำระหนี้เสียขนาดกลางหนึ่งรายการ และการขายสินทรัพย์รอการขายขนาดกลางสองรายการ โดยมีมูลค่าการเก็บเงินสดรวมประมาณ 500 ล้านบาท ธนาคารต่างๆ ได้กำหนดเกณฑ์การคัดกรองที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกค้าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถของลูกหนี้ด้อยคุณภาพในการชำระคืนหนี้ที่มีหลักประกันในครึ่งหลังของปี 2566 เราคาดว่าในไตรมาส 3/66 จากกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้เท่ากับ 700 ล้านบาท ลดลง 30% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ) กำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขายมีแนวโน้มอยู่ที่ 680 ล้านบาท ลดลง 8% YoY และ 20% QoQ

หากการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ล่าสุดของเราถูกต้อง กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2566 จะคิดเป็นเพียง 51% ของประมาณการทั้งปีก่อนหน้าของเราที่ 2.1 พันล้านบาท

คาดการณ์กำไรปี 2566-68 ปรับตัวลดลง

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 18% เหลือ 1.7 พันล้านบาท (ลดลง 36% YoY) ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดในปัจจุบันถึง 26% (อ้างอิงจาก Bloomberg) ดังนั้นเรามองว่าอาจมีความเสี่ยงในการปรับลดประมาณการตลาด เราปรับประมาณการกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และการขายสินทรัพย์รอการขายปี 2566 ลดลง  และเราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 ลง 15% YoY มาอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14% YoY)

ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ของเราอยู่ที่ 660 ล้านบาท ลดลง 24% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 74% QoQ) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ที่ลดลง YoY

BAM ซื้อหนี้ใหม่จำนวน 1.28 หมื่นล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566

เราเข้าใจว่า BAM จ่ายเงิน 5.4 พันล้านบาท เพื่อซื้อหนี้เสียใหม่ในไตรมาส 3/66 ซึ่งจะส่งผลให้รายจ่ายในการซื้อหนี้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 303% YoY หนี้ใหม่มีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในระยะกลางถึงระยะยาว (ไม่ใช่ระยะสั้น) โดยชุดหนี้ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะใช้เวลา 4-5 ปีในการเริ่มสร้างกำไรให้กับ BAM อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากหนี้เสียของสินเชื่อบ้านโดยทั่วไป ใช้เวลานานในการชำระหนี้ (การดำเนินการคดียึดอสังหาริมทรัพย์ในศาลมักใช้เวลานานหลายปี)

ฟื้นตัวช้า เรายังคงคำแนะนำขาย!

เราคาดว่ากลุ่มธุรกิจบริหารหนี้ที่มีหลักประกันของ BAM จะฟื้นตัวช้า ดังนั้น ในธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ เราชอบ JMT มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 สำหรับกลุ่มธุรกิจบริหารหนี้ไม่มีหลักประกันยังอยู่ในเกณฑ์ดี PER ปี 2567 ของ BAM อยู่ที่ 14.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 4 ปีอยู่ 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ในขณะที่เราคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมปี 2567-2568 ที่ 12% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.2 เท่า PBV ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 0.7 เท่า [ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีอยู่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)ในขณะที่เราคาดการณ์ ROE ปี 2568 ที่ 5.0% เราปรับเป้าหมายการลงทุนจาก ณ สิ้นปี 2566 ไปเป็น ณ สิ้น ปี 2567 โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ที่ 7.50 บาท

 

- Advertisement -