บล.เอเซีย พลัส:

ส่วนแบ่งคอนโด JV จะช่วยหนุนกำไร 3Q64 

คาดกำไร 3Q64 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท แม้ลดลง 10% qoq และ 31% yoy จากฐานสูง แต่กำไรยังยืนเหนือ 1 พันล้านบาทเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน หนุนจากการโอนฯ คอนโดฯ JV 2 โครงการ ทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม 330 ล้านบาท ด้านยอดโอนฯ 6.9 พันล้านบาทคาดลดลง 12% qoq และ 22% yoy ส่วน Gross Margin ขายฯ จะทรงตัวที่ 30.6% 

แม้กำไร 4Q64 มีโอกาสลดลง QoQ จากค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในการเปิดโครงการใหม่ที่มีจำนวนมาก ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่คงคาดกำไรทั้งปี 2564 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 4.24 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 4.5 พันล้านบาทปี 2565 ด้าน Valuation ยังน่าดึงดูดด้วย PER ซื้อขายต่ำเพียง 6 เท่า และ Div Yield เฉลี่ยปีละ 6% (จ่ายปีละครั้ง) คงแนะนำซื้อ FV ปี 2564 ที่ 10.80 บาท

คาดส่วนแบ่งกำไร JV ช่วยหนุนต่อกำไร 3Q64 ยืน 1 พันล้านบาท

งวด 3Q64 คาดกำไรปกติ 1 พันล้านบาท แม้ลดลง 10% qoq และ 31% yoy จากฐานสูง (งวด 3Q63 มีกำไรทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสที่ 1.45 พันล้านบาท) แต่กำไร 3Q64 ยังยืนระดับสูงเหนือ 1 พันล้านบาทเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม คาด 330 ล้านบาท เพิ่มจาก 181 ล้านบาทงวดก่อน แต่ลดลงจาก 776 ล้านบาทงวดปีก่อน ซึ่งมีการโอนฯ คอนโดฯ JV 2 โครงการขนาดใหญ่ (Life ลาดพร้าวมูลค่า 8.3 พันล้านบาท และ Life Asoke Rama 9 มูลค่า 9.8 พันล้านบาท) ขณะที่ 3Q64 เป็นการส่งมอบโครงการ JV ใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า คือ Life Asoke Hype มูลค่า 5.8 พันล้านบาท (ขายได้ 63% เริ่มโอนฯ 2Q64 บางส่วน 10% คาดโอนฯ ต่อเนื่อง 3Q64 อีก 15%) และ Life Ladproa Valley มูลค่า 6.5 พันล้านบาท (ขาย 68% คาดโอนฯ 3Q64 ราว 25%) ขณะที่การรับรู้รายได้ขายอสังหาฯ ของบริษัทเองคาด 6.91 พันล้านบาท (-12% qoq, -22% yoy) มาจากกลุ่มแนวราบเป็นหลัก ส่วน Gross Margin ขายฯ ทรงตัวระดับ 30.6%

คงประมาณการเดิม คาดกำไรปกติปีนี้ทำ New High ที่ 4.24 พันล้านบาท

ทิศทางกำไร 4Q64 มีโอกาสลดลง QoQ โดยแม้แนวโน้มยอดโอนฯ คาดดีขึ้นหนุนด้วย Backlog แนวราวที่คาดรอรับรู้รายได้ 4Q64 อีกราว 7 พันล้านบาท รวมถึงบางส่วนจากการขายโอนฯ แนวราบใหม่ที่มีกำหนดเปิดขายมากถึง 17 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่คอนโดฯ เป็นการส่งมอบต่อเนื่องของโครงการ AV ใหม่ที่เริ่มตั้งแต่ 2Q-3Q64 แต่การทำกำไรอาจมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดฯ ใหม่อย่างน้อย 2 โครงการมูลค่า 8.3 พันล้านบาท โดยทั้งปี 2564 คงประมาณการเดิม คาดกําไรปกติทํา New High ที่ 4.24 พันล้านบาท

ซื้อ…ราคามี PER เพียง 6 เท่า + คาด Div Yield 6% 

ด้วยจุดแข็งของ AP ในตลาดแนวราบผ่านกลยุทธ์เปิดโครงการใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และรองรับทุกระดับราคาในทุกกลุ่มสินค้า ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะกลุ่มแนวราบสะท้อนจากยอดขาย และ Backlog แนวราบระดับสูง ขณะที่ราคาหุ้นมี PER ซื้อขายเพียง 6 เท่าปีนี้ และเหลือ 5.6 เท่าปีหน้า เมื่อบวกกับคาด Div Yield 6% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง) แนะนำซื้อ FV ปี 2564 ที่ 10.80 บาท (อิง PER 8 เท่า)

ประเด็นความเสี่ยง

  1. ตัวแปรสําคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อท่ีอยู่อาศัย ได้แก่ ความเช่ือมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามท่ีคาด ก็จะกระทบความเช่ือมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินซื้อโครงการ ส่งผลให้ยอดขายและยอดโอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้
  2. ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงข้ึนต่อเนื่อง อาจทําให้การควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทํากําไรทําได้ยากข้ึน
- Advertisement -