บล.ฟิลลิป:

โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ – GPSC ต้นทุนพุ่งกดดันกำไร

Key Point

แม้ว่าราคาต้นทุนพลังงานจะยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่ทางฝ่ายคาดกำไรในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวจากการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าสำคัญที่ปิดดำเนินการนอกแผนจะกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมไปถึงจะมีกําลังผลิตที่จะ COD เข้ามาเพิ่ม นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจ EV ซึ่งมีโอกาสสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอีกมากในอนาคต ในส่วนของราคาหุ้นได้ลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จึงทําให้ ณ ราคาปัจจุบันยังคงมี upside อยู่พอสมควร จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 80 บาท

ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นกดดันกำไรโรงไฟฟ้า SPP

ทางฝ่ายคาดรายได้จากการขายไฟฟ้าปี 65 ที่ 109.09 พันลบ. +47% y-y จากการได้ปรับค่า Ft ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงโรงไฟฟ้าสำคัญกลับมาดำเนินการตามปกติ อย่างไรก็ตาม คาดต้นทุนขายไฟฟ้า +55% ที่ 98.78 พันลบ. จากราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในส่วนของโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งลูกค้าหลักเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (46% ของรายได้จากการขายไฟฟ้า) ไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากได้ และทางฝ่ายคาดว่าราคาต้นทุนพลังงานจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้คาดส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและร่วมค้า 1.94 พันลบ. +26% จากการรับรู้กำไรจากบริษัท AEPL ที่จะมีการ COD กว่า 1,000 MW ในปีนี้ ทางฝ่ายคาดกำไรสุทธิปี 65 ที่ 5.06 พันลบ. -31 %

แนวโน้มค่า Ft เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 65 กกพ. มีมติให้ปรับเพิ่มค่า Ft ในรอบเดือน พ.ค. – ส.ค. เป็น 0.2477 บาท/หน่วย และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 0.40 บาท/หน่วย ในรอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาพลังงานที่เพิ่มสูงอย่างมาก แม้ว่าการปรับเพิ่มค่า Ft จะยังไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด แต่จะช่วยบรรเทาผลกระทบของราคาต้นทุนที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทได้ จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวขึ้น

GE Phase 5 และ GHECO-ONE กลับมาดำเนินการปกติ อีกทั้งมีกำลังผลิตใหม่เข้ามาเพิ่ม

GE Phase 5 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการดำเนินการต่ำเป็นอันดับต้นๆ ได้กลับมาดำเนินการตามปกติตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 65 โดยคาดว่าจะช่วยให้กำไรเพิ่มขึ้น 150 ลบ./เดือน และโรงไฟฟ้า GHECO-ONE ที่ปิดปรับปรุงนอกแผนก็จะกลับมาดำเนินการตามปกติเช่นกัน นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีจะมีการ COD โรงไฟฟ้า SPP Replacement ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 192 MW และกำลังผลิตไอน้ำ 300 ตัน/ชม. และ AEPL ซึ่งทำโรงไฟฟ้าโซล่าร์ที่อินเดียจะมีการ COD กว่า 1,000 MW ในปีนี้ อีกทั้งในช่วงต้นปี 2566 จะมีการ COD โรงไฟฟ้า ERU ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 250 MW และกำลังผลิตไอน้ำ 175 ตัน และ CFXD ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไต้หวัน ที่มีกำลังการผลิต 595 MW ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 5,807 MW เป็น 7,168 MW ในปี 2566 สัดส่วนจากพลังงานสะอาดที่ 38% โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนพลังงานสะอาดมากกว่า 50% ในปี 2573 ในส่วนธุรกิจ EV ซึ่งเป็น S-Curve ใหม่นั้น บริษัทได้มีการร่วมทุนกับ ARUN PLUS ตั้งบริษัทร่วมทุน “NUOVO PLUS” เพื่อดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้ามีกำลังการผลิต 5-10 GWh/ปี ภายในปี 2573

- Advertisement -