ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET แกว่งตัว Sideway หลังปรับตัวขึ้นเหนือเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1,540 ได้มั่นคง ระยะสั้นลุ้นทดสอบแนวต้าน (จุดสูงหลังวันเลือกตั้ง) 1,570 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวรับ 1,552/1,540

ประเด็นการลงทุน
1. ติดตามการประชุม Fed, ECB และ BOJ
2. รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นศก.ครั้งใหญ่
  • วันนี้เคาะ SCGP ราคาปรับตัวลงมากว่า -32%YTD สะท้อนภาพปัจจับลบไปมากแล้ว

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,562.40 จุด เพิ่มขึ้น 10.99 จุด (+0.71%) มูลค่าการซื้อขาย 41,919.69 ล้านบาท คาดหวังการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินลงมาบ้าง

Research Highlight: สัปดาห์ของการประชุมนโยบายการเงิน// ทางการจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ

ติดตามการประชุม Fed, ECB และ BOJ

  • Fed 15 มิ.ย.
    • ข้อมูลจาก Fed Watch Tog ระบุตลาดให้น้ำหนักสูงถึง 94% ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00- 5.25% ในวันที่ 14 มิ.ย. ทั้งนี้สอดรับกับตัวเลข CPI พ.ค. ออกมาน้อยกว่าคาดมาที่ +4.0% จะเป็นปัจจัย หนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ย โดยหลักมาจากราคาสินค้าประเภท พลังงาน ค่าไฟฟ้า และรถยนต์ที่ปรับตัวลง ขณะที่ค่าเช่าและค่าห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น
    • อย่างไรก็ดี ตลาดเชื่อว่าเฟดจะส่งสัญญาณไม่ปิดประตูในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ซึ่งให้น้ำหนักกว่า 56% ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมในเดือน ก.ค. ก่อนจะคงที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงเดือน ก.ย. อย่างไรก็ดี ประเมินว่าเฟดอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00- 5.25% ในสิ้นปีนี้ (ประชุมเฟดเดือน พ.ย. คาดว่าจะปรับลดลงมา 0.25%)
    • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
    • ในเชิงกลยุทธ์ หุ้น NVIDIA ปรับตัวขึ้นแรงและกลายเป็นบริษัทผลิตชิปรายแรกที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึง PHLX Semiconductor Sector ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย +20.8% จากเดือนก่อน และ +45.48%YTD มองเป็นบวกต่อกลุ่ม Growth stock แต่ upside ปัจจุบันเริ่มจำกัด แนะนำเพียง Trading เราชอบ DELTA HANA KCE CCET IIG INSET SICT
  • ECB 15 มิ.ย.
    • คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4% สวนทางกับเฟด หนุนดอลลาร์ให้อ่อนค่า เพื่อ ควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ล่าสุด CPI เม.ย.. +7.0%YoY (กรอบเป้าหมาย 2%) และ โดยหลักมาจากฝั่ง demand (อาหาร) เป็นหลัก ทั้งนี้จะมีรายงาน CPI พ.ค. 16 มิ.ย. คาด +6.1%YoY
  • BOJ 16 มิ.ย.
    • คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% แต่ต้องติดตามการส่งสัญญาณที่จะยุติการใช้นโยบาย YCC หลังจากช่วงปลายปี 65 BOJ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่ -0.25% ถึง +0.25% สะท้อนสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ ทั้งนี้ CPI เม.ย. อยู่ที่ +3.5%YoY (กรอบเป้าหมาย 2%) จะมีรายงาน CPI พ.ค. วันที่ 23 มิ.ย.

รัฐบาลจีนเตรียมออก มาตรการกระตุ้นศก. ครั้งใหญ่

  • ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย reverse repurchase rate ระยะ 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้น ลง 0.10% สู่ระดับ 1.9% เป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และเหนือความคาดหมายของตลาด และอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 2 พันล้านหยวน (279.97 ล้านดอลลาร์) รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ย SLF แบบข้ามคืน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องสถาบันการเงิน
  • ขณะที่เราคาดว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางจีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
  • คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนภาคอสังหาฯ โดยจะมีแนวทางการปรับลดต้นทุนการกู้ยืมเพื่อการจำนองที่อยู่อาศัย และกระตุ้นการปล่อยเงินกู้ผ่านทางธนาคาร นโยบายของรัฐ เพื่อลดภาระด้านการเงินให้กับธุรกิจในภาคเอกชนและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • ทั้งนี้ตลาดกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่มีความเสี่ยงเผชิญกับภาวะเงินฝืด หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ระดับใกล้ 0% ในเดือนพ.ค. และการส่งออกที่หดตัวแรง
  • ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีนเช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, อัตราว่างงาน และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ในวันที่ 15 มิ.ย. นี้
  • ในเชิงกลยุทธ์เป็นบวกต่อกลุ่ม China play เราชอบ SCGP PTTGC TOP CBG NER

Investment Strategy

  • ประเมิน SET แกว่งตัว sideway หลังปรับตัวขึ้นเหนือเส้นกลาง Bollinger band ที่ 1540 ได้มั่นคง ระยะสั้นลุ้นทดสอบแนวต้าน (จุดสูงหลังวันเลือกตั้ง) 1570 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวรับ 1550
  • ประเด็นทางการเมืองในประเทศเริ่มผ่อนคลายหลังจาก กกต.ทยอยรับรองผลส.ส.เขตแล้ว 330 คน ซึ่งคาดว่าจะครบ 95% สัปดาห์หน้า รวมถึงจะเริ่มเห็นการออกบทวิเคราะห์ preview กลุ่มธนาคารในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิ.ย. เบื้องต้นประเมิน +QoQ แต่ทรงตัว YoY
  • ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยขายทำกำไร (ทุนแถว 1500+/- จุด) หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง รับรู้ประเด็นเฟดและการเมืองในประเทศไปพอสมควรแล้ว

Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งทําให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟด จะไม่ปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกหลังการเปิดเผยข้อมูลเงิน เฟ้อของสหรัฐที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีได้สนับสนุนการ คาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานยืนตามราคาโลหะหลังจีนปรับลดอัตราดอกเบีย

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้น หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมันของจีนจะฟื้นตัว

(-) สัญญาทองคําตลาด COMEX ปิดลบ หลังจาก สหรัฐเปิดเผยเงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุม นโยบายการเงินของเฟด ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ

หุ้นเคาะไป คุยไป…SCGP

  • ราคาปรับตัวลงมากว่า -32%YTD สะท้อนภาพปัจจับลบไปมากแล้ว รวมถึงความกังวลจากปัญหา oversupply และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในระดับภูมิภาคที่อาจจะช้าจากปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่าธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รายได้และกำไรมีโอกาสฟื้นตัวในรายไตรมาสตามลำดับในตลอดปี 2566 หนุนโดยต้นทุนการผลิตที่ทยอยปรับลดลง คงแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 66 ลงเหลือ 57.50 บาท จาก 68.75 บาท อิง DCF การปรับลดสะท้อนถึงต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และอาจจะมีผลกระทบต่อทั้งปีนานกว่าคาด แต่ทั้งนี้ SCGP มีแผนทำ M&P 1-2 กิจการต่อปี เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อผลประกอบการของ SCGP ในระยะกลางและยาว
  • เราประเมินกำไรสุทธิปี 66 เท่ากับ 6,550 ล้านบาท ขยายตัว 6.9%YoY โดยเราปรับลดประมาณการลง -12.2% จากการคาดการณ์เดิมที่ 7,468 ล้านบาท เนื่องจาก 1) เรามองว่ารายได้ 1Q66 น้อยกว่าคาด และ 2) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มมากกว่าคาด จากระดับเฉลี่ย 6.0% ต่อ EBITDA ในช่วงปี 2564-2565 สู่ระดับ 11% ดังนั้น แม้ธุรกิจ SCGP จะดูเหมือนเริ่มฟื้นตัว แต่ยังคงมีหลายปัจจัยกดดันอยู่ ทั้งฝั่งของอุปสงค์สินค้าและต้นทุนต่างๆ เรามองว่าภาคการบริโภคในภูมิภาคอาเซียนยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เรามองว่าธุรกิจ SCGP จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมองว่ารายได้จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามภาวะ เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีแนวโน้มได้รับกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางการจีนในช่วง 2H66
- Advertisement -