บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +19.3%

Close Jan 20, 2023 Price 71.25

12M Target 85.00

KIATNAKIN PHATRA BANK (KKP) กำไรปกติตามคาด ส่วนปี 66 คาดสินเชื่อโตและสำรองลดลง

Earnings Results

  • KKP รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 1,430 ลบ. ลดลง 29.3%YoY และ 31.4%QoQ แต่หากไม่รวมรายการพิเศษจากการตั้งสำรองเพื่อรองรับผลกระทบจากการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติจํานวน 708 ลบ. จะมีกำไรปกติ 2,138 ลบ. โต 5.7%YoY และ 2.6%QoQ ใกล้เคียงกับที่เราคาด
  • ปัจจัยลบหลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ปรับตัวขึ้น 15.5%QoQ โดยเฉพาะในส่วนของผลขาดทุนจากการขายรถยึดเพิ่มขึ้นกว่า 49.2%QoQ และมีค่าใช้จ่ายด้านสถานที่และอุปกรณ์สูงขึ้น นอกจากนี้ KKP ได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 89.9%QoQ คิดเป็น Credit Cost 2.2% เพิ่มขึ้นจากเพียง 1.2% ใน 3Q65 สอดคล้องกับ NPL ที่ปรับตัวขึ้นเป็น 3.2% จาก 3% ใน 3Q65 อีกทั้งบริษัทได้ตั้ง Management Overlay เพิ่มเติมอีก 252 ลบ. เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
  • อย่างไรก็ดี ในส่วนของกำไรก่อนการตั้งสำรองและหักภาษี (PPOP) โตดี 23.3%QoQ หนุนจาก 1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิโต 15.7%QoQ หลัง NIM เร่งตัวขึ้นเป็น 4.9% จากเพียง 4.3% ใน 3Q65 จากผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อเงินกู้ยืมในหลายผลิตภัณฑ์ บวกกับพอร์ตสินเชื่อรวมโต 3.8%QoQ สูงกว่าอุตสาหกรรม หลังสินเชื่อในฝั่งรายย่อยทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ, สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคลปรับขึ้นได้ดี และ 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต 29.2%QoQ หลังรายได้ ค่าธรรมเนียมปรับขึ้นได้ดีจากทั้งธุรกิจนายหน้าประกันและธุรกิจตลาดทุน รวมไปถึงมีกำไรจากการขายหนี้เสียเข้ามาช่วยเสริม ทำให้ทั้งปี 2565 KKP มีกำไรปกติที่ 8,310 ลบ. โต 31.5%YoY

Our Take

  • เบื้องต้น เราคาดผลดำเนินงานของ KKP ในปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีประเด็นบวกหลักจาก 1) การขยายสินเชื่อที่ยังแข็งแรง หนุนด้วยการรุกขยายสินเชื่อเช่าซื้อทั้งมือหนึ่งและมือสองที่บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันสูง 2) รายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มปรับขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว หนุนค่าธรรมเนียมธนาคารและค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัย ส่วนธุรกิจตลาดทุนคาดยังแข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรม หลังมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 18.6% จากความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศได้ดี รวมทั้งมีการเพิ่มบริการใหม่เพื่อรองรับความต้องการลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนรายย่อย และ 3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองคาดเริ่มปรับตัวลง หลังบริษัทตั้งสำรองจำนวนมากไว้ล่วงหน้าแล้วใน 4Q65 อีกทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น คาดหนุนให้ลูกหนี้ในพอร์ตมีความสามารถในการชำระหนี้สูงขึ้นจากเดิม ทั้งนี้เราคาด NIM ของ KKP จะลดลงเหลือ 4.4% จาก 4.6% ในปี 2565 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่เร่งตัวขึ้น เราจึงคงคาด KKP จะมีกำไรปกติในปี 2566 จำนวน 9,322 ลบ. โต 12.2%YoY
  • สำหรับผลกระทบจาก พรบ. เช่าซื้อฉบับใหม่ที่เริ่มมีผลตั้งแต่ 10 ม.ค. 2566 คาด KKP จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากไม่มีธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับรถใหม่ต่ำกว่า 10% ส่วนรถใช้แล้วมีเพียงบางส่วน (รถยนต์ใช้แล้วที่มีอายุการใช้งานมานาน) ที่คิดดอกเบี้ยเกิน 15% สำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะสัญญาคาดไม่ได้รับผลกระทบ เพราะธนาคารปฏิบัติตามเกณฑ์ Market Conduct ของ ธปท. อยู่แล้ว
  • เรามองแนวโน้มธุรกิจของ KKP ยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากการขยายสินเชื่อที่โดดเด่น ส่วนคุณภาพสินเชื่อคาดจะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ หนุนจากภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 19.3% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 85 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 1.1x) และคาดมีปันผลจากกำไร 2H65 หุ้นละ 1.80 บาท คิดเป็น Div. Yield ราว 2.6% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -